ราเมน บะหมี่จากจีนสู่วัฒนธรรมทางอาหารที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น

เมื่อพูดถึงอาหารญี่ปุ่นหลาย ๆ คนคงจะนึกถึงซาซิมิ ซูชิหรือแม้กระทั่งข้าวปั้นรสชาติต่าง ๆ ที่ให้อารมณ์ของความเป็นญี่ปุ่นสุด ๆ แต่มีอีกเมนูที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ราเมน อาหารประเภทเส้นที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยเป็นเมนูจากชาวจีนที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งจะเรียกว่าราเม็งก็ได้ โดยอาหารชนิดนี้มีวิธีการทำไม่ยุ่งยากแต่จะมีรายละเอียดและความใส่ใจในระหว่างการปรุงน้ำซุปพร้อมทั้งส่วนประกอบของวัตถุดิบที่หาได้ง่ายจึงทำให้บะหมี่จากชนชาติจีนกลายเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นในเวลาต่อมา ซึ่งช่วงที่บะหมี่ประเภทนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นยุคที่ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามจนทำให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงและมีร้านขายบะหมี่อยู่ทั่วทุกหัวระแหงเพื่อเป็นเมนูราคาประหยัดให้กับประชาชนที่หิวโหย โดยจุดเด่นของ ราเมน คือ น้ำซุปที่มีความกลมกล่อมรวมเข้ากับเส้นบะหมี่สีเหลืองหลายขนาดทำให้เวลาทานจะเกิดความอร่อยไปทั่วทุกอณู จากนั้นจะมีเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่นผักหรือเนื้อสัตว์ต่าง ๆ วางเอาไว้ด้านบน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มคุณค่าทางอาหาร และเพิ่มความอร่อยให้กับบะหมี่มื้อนั้นได้เป็นอย่างดี ส่วนประกอบสำคัญที่ชูโรงให้ ราเมนกลมกล่อมและมีความอร่อยมัดใจนักชิมได้ อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าวัตถุดิบและส่วนประกอบสำคัญในการปรุงราเม็งนั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด แต่ก็สามารถก้าวเข้ามาเป็นเมนูในใจของใครหลาย ๆ คนได้ วันนี้เราจะไปดูกันว่าในส่วนประกอบที่ว่าก่อนที่จะเป็นราเม็ง 1 ถ้วยมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง มารยาทและเคล็ดลับการทาน ราเมน ที่จะเพิ่มความอร่อยขึ้นเป็นเท่าตัว เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลของราเมน อาหารประเภทเส้นที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนซึ่งหลั่งไหลเข้ามาตามการอพยพของผู้คน Sexybaccarats168.com จนกระทั่งเกิดเป็นวัฒนธรรมการทานบะหมี่ที่คนญี่ปุ่นทั่วทั้งประเทศได้รับเอาอิทธิพลนี้เข้าไปในวิถีชีวิตอย่างกลมกลืน โดยเคล็ดลับสำคัญของความอร่อยมีเพียง 3 ส่วนประกอบ คือน้ำซุป เส้นบะหมี่และเครื่องเคียงนั่นเอง สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการรับประทานราเม็งในแบบต้นตำรับก็สามารถหาทานตามร้านอาหารชั้นนำในประเทศไทยได้ หรือหากมีโอกาสก็สามารถบินลัดฟ้าไปสูดเส้นบะหมี่ดัง ๆ ที่ญี่ปุ่นได้เลย แต่อย่าลืมเรียนรู้มารยาทในการทานอาหารให้ดีก่อนที่จะเดินทางกันนะ หวังว่าราเม็งถ้วยที่คุณตามหาจะเติมเต็มความอร่อยและความสุขในมื้อนั้น […]
โอนิกิริ เมนูทานง่ายของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมเข้ามาในไทย

ด้วยกระแสความนิยมของอาหารญี่ปุ่นที่ได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปเอเชียและทวีปอื่น ๆ ทั่วโลก จนใคร ๆ ก็รู้จัก ซาซิมิและ ซูชิ อันเป็นเมนูสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นไปโดยปริยาย แต่ยังมีอีกเมนูที่มีรูปร่างสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั่นก็คือ โอนิกิริ หรือเรียกอีกอย่างว่า โอมูซูบิ ซึ่ง โอนิกิริคือ ข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่ถูกหุงอย่างประณีตและผสมกับน้ำส้มสายชูชนิดพิเศษของญี่ปุ่น จากนั้นจะถูกบรรจงปั้นให้ได้รูปทรงเป็นสามเหลี่ยมหรือวงรีก็ได้ โดยภายนอกจะถูกห่อด้วยสาหร่ายซึ่งมีสีตัดกันจึงทำให้เกิดความสวยงามและน่ารับประทาน ด้านในจะมีการใส่ไส้ต่าง ๆ อันจะทำให้เกิดรสชาติที่สร้างความกลมกล่อมร่วมไปกับเมล็ดข้าวญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ประวัติของการคิดค้น โอนิกิริ ในแบบฉบับของคนญี่ปุ่น ในสมัยอดีต การคิดค้นข้าวปั้น หรือ โอนิกิริ ขึ้นก็เพื่อความสะดวกสบายในการรับประทานและสามารถเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายซึ่ง ข้าวปั้นในยุคก่อน ๆ จะไม่มีการปรุงหรือใส่ส่วนผสมอื่นมากนัก โดยจะมีเพียงข้าวเปล่าผสมกับเกลือหรือซอสบางชนิดเท่านั้น ซึ่งมันกลายเป็นแหล่งพลังงานชั้นเยี่ยมให้แก่ทหารที่จะต้องเดินทางไปยังสนามรบในพื้นที่ต่าง ๆ โดยช่วงแรก ๆ นั้นจะนิยมปั้นเป็นก้อนทรงกลมธรรมดา จากนั้นจึงได้มีพัฒนาการปั้นทรงเหลี่ยมเพื่อในขณะที่พกพาจะสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าและพกไปได้ในปริมาณที่มากกว่าทรงกลมนั่นเอง มาในยุคเมจิคนญี่ปุ่นจึงได้รู้จักนำเอาสาหร่ายเข้ามาห่อคลุมข้าวปั้นนั้น ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากขึ้น และทำให้ผู้ทานเกิดความอร่อยในระหว่างการกินได้มากกว่าเดิม โดยการทานข้าวปั้นนั้นได้แพร่หลายไปในหมู่คนทั่วไปที่ไม่ใช่แค่นักรบ แต่ยังพบว่ามีนักเรียนนักศึกษาและคนวัยทำงานที่มีพฤติกรรมการห่อข้าวปั้นไปทานในระหว่างการทำงานอีกด้วย เพราะเป็นอาหารที่ทานได้ง่ายและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการจัดเตรียมอาหารได้เป็นอย่างดี ความนิยมของการทานโอนิกิริ ในไทย กระแสความนิยมในการทานข้าวปั้นตามแบบฉบับของญี่ปุ่นนั้น เริ่มแรกถูกนำเสนอผ่านสื่อต่าง ๆ […]
ซูชิ เมนูที่มีรายละเอียดกว่าความอร่อย

ซูชิ เป็นเมนูโปรดของหลายคนทั่วโลก มาพร้อมกับวัตถุดิบชั้นเลิศทั้งความสด รสชาติ เนื้อสัมผัส ทุกอย่างคือเอกลักษณ์ของเมนูนี้และเป็นวัฒนธรรมอันน่าประทับใจที่ใส่ลงไปในทุก ๆ คำ แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า Sushi เป็นเมนูที่สืบทอดกันมาในประเทศญี่ปุ่นถึง 1 พันปี โดยมีส่วนประกอบหลักคือข้าวผสมน้ำส้มสายชู ปะหน้าด้วยเนื้อสัตว์ ฝักต่าง ๆ ซึ่ง Sushi มีหลายแบบดังนี้ เปิดลิ้นรับรส ทั่วร์รอบกรุงชิม ซูชิ ร้านเด็ด ร้านดังที่ไม่ควรพลาด เชื่อว่าคุณคงพอทราบแล้วว่า ซูชิ มีหลากหลายรูปแบบที่ไม่ใช่ทรงวงรีเท่านั้น หากต้องไปทานคุณจะต้องเข้าใจวัฒนธรรมและรูปแบบของวิธีการทำมากขึ้น ซึ่งการศึกษาไว้จะทำให้คุณสั่ง Sushi ทานได้ถูกต้อ เช่นนั้นหากพร้อมแล้วเราไปต่อกันที่ร้านอาหารในกรุงเทพที่หลาย ๆ คนชอบไปเช็คอินกับกลุ่มเพื่อนกันเลย 1.ไฮ แฮท ซูชิ บาร์ (High Hat Sushi Bar) การทาน Sushi จะอร่อยมากขึ้นหากคุณมาที่ร้าน High Hat Sushi Bar ซอยเพชรบุรีตัดใหม่ 47 แยก 1 […]
เนื้อย่าง สไตล์ญี่ปุ่น

การทานอาหารปิ้ง-ย่างคงจะกลมกลืนไปกับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราไปแล้ว เพราะเห็นได้จากการเลือกอาหารปิ้ง-ย่างเป็นอาหารมื้อใหญ่ของวันอยู่บ่อย ๆ โดยรูปแบบปิ้ง-ย่างที่เราคุ้นเคยก็ต้องยกให้หมูกระทะสไตล์บ้านไทย จัดมาให้ทั้งหมูหมัก ผัก และน้ำซุป เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจประชาชีมากทีเดียว แต่ปิ้ง-ย่างที่ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศก็มีอย่างปิ้ง-ย่างเกาหลีที่มาพร้อมเนื้อหมูชิ้นหนาและเครื่องเคียงจัดหนัก หรือจะเป็น เนื้อย่าง สไตล์ญี่ปุ่นที่ขนขบวนเนื้อมาวางอยู่หน้าเตาพร้อมให้เราได้ย่างแบบ ฟิน ฟิน เล่าเรื่องการ ย่างเนื้อ แบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น เมื่อเปิดเรื่องเกี่ยวกับการทานปิ้ง-ย่างมาทั้งทีครั้งนี้ก็จะขอปักหมุดที่การย่างเนื้อแบบญี่ปุ่นเสียหน่อย เชื่อว่านักย่างเนื้อแบบเรา ๆ ต้องรู้จักมักคุ้นชื่อYakiniku กันอยู่ไม่มากก็น้อยซึ่งดูจากการออกเสียงแล้วก็สามารถอนุมานได้ว่าเป็นคำภาษาญี่ปุ่น โดยชื่อเรียกนี้ผสมระหว่างคำว่า Yaki ที่แปลว่า ย่าง กับคำว่า Niku ที่แปลว่า เนื้อ โดยลักษณะการทานจะย่างเนื้อส่วนต่าง ๆ บนตะแกรงย่างที่วางอยู่บนเตาถ่านร้อน ๆ หากอ้างอิงตามการทานแบบญี่ปุ่นจะใช้เนื้อวัวชั้นเยี่ยมหลายส่วนมาย่างเป็นหลัก และเพิ่มเครื่องเคียงเป็นผักที่นำมาย่างได้ ยากินิกุ เป็นชื่อเรียกภาษาญี่ปุ่นก็จริงหากแต่วัฒนธรรมการย่างเนื้อในญี่ปุ่นแรกเริ่มได้รับอิทธิมาจากชาวเกาหลีที่เคยอยู่ในญี่ปุ่นช่วงสงคราม การนำเนื้อมาปรุงให้สุกโดยการย่างเพิ่งเกิดความนิยมในกลุ่มชาวญี่ปุ่นเมื่อได้ผ่านช่วงทำสงครามไปแล้ว แม้ญี่ปุ่นจะได้รับอิทธิพลการทานเนื้อย่าง มาจากชาวเกาหลีแต่ในปัจจุบันการย่างเนื้อของทั้งสองชนชาติก็มีความแตกต่างกันมากโขอยู่ โดยหัวใจสำคัญของการย่างแบบญี่ปุ่นจะใช้เนื้อวัวคุณภาพดีเป็นหลัก เนื่องจากภูมิศาสตร์ของญี่ปุ่นเอื้ออำนวยต่อการผลิตเนื้อวัวเกรดดีออกมาสู่ท้องตลาดมากกว่า และในทางกลับกันการย่างเนื้อแบบเกาหลีหัวใจสำคัญคือการใช้เนื้อหมูเป็นหลักเพราะมีราคาต่ำกว่าเนื้อวัวหลายเท่า เนื้อย่าง พิธีรีตองของการย่างเนื้อแบบญี่ปุ่น ชนชาติญี่ปุ่นในสายตาชาวโลกมักถูกมองว่าเป็นประชากรที่เคร่งครัดในกฎระเบียบ เพราะภาพลักษณ์ที่ว่านี้ได้สะท้อนออกมาด้วยความเป็นระเบียบของบ้านเมืองและผู้คน หากจะพูดว่าขนบอันน่าเป็นแบบอย่างได้ซึมลึกอยู่ในสายเลือดของประชากรทุกรุ่นคงไม่เกินจริงนัก แม้แต่ในเรื่องอาหารการกินก็มีกลิ่นอายของขนบบางอย่างซึ่งเราจะรู้สึกได้เองแม้ไม่ถูกอธิบายออกมาเป็นคำพูด และการจะทาน […]
อาหารน่ากิน หลากหลายเมนู ของชาวญี่ปุ่นที่คนไทยติดใจ

ระหว่างอาหารไทยและอาหารญี่ปุ่นมีรสชาติที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ด้วยจุดเด่นในเรื่องของการคัดสรรค์วัตถุดิบชั้นเยี่ยมเพื่อนำมารังสรรค์เป็น อาหารน่ากิน หลากหลายเมนูของชาวญี่ปุ่น ซึ่งได้รับความนิยมจากคนไทยและทั่วโลกเป็นอย่างมาก วันนี้เพื่อเอาใจนักกินเราไปดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างและแต่ละเมนูมีที่มาอย่างไรกัน จุดเด่น อาหารน่ากิน ของชาวญี่ปุ่นศึกษาเรื่องราวที่น่าสนใจ สำหรับการทานที่ให้ได้อรรถรสจริง ๆ จะต้องศึกษาวัฒนธรรม เพราะไม่เพียงเกี่ยวเนื่องกับมารยาทแล้วยังเป็นวิธีการทานที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้รับรสชาติที่อร่อยตามต้นฉบับ ฉะนั้นหากใครคิดจะไปกินอาหารเส้นแล้วใช้ช้อนซ้อมตักใส่ปากบอกเลยว่าคุณกังเสียมารยาทนั้นเอง ไปดูกันว่าเมนู อาหารน่ากิน ที่ทานประจำมีที่มาอย่างไรและควรทานแบบไหนถึงจะได้รสสัมผัสที่อร่อย 1.กิวด้ง (ข้าวหน้าเนื้อ) กิวด้งหรือที่เรียกในภาษไทยว่า ข้าวหน้าเนื้อ ถือเป็นเมนูยอดฮิตของคนไทยและเป็น อาหารญี่ปุ่นน่ากิน ซึ่งวัตถุดิบหลักคือเนื้อวัว ซึ่งตามต้นฉบับมาในรูปแบบการเสิร์ฟบนหม้อไฟในภาญี่ปุ่นเรียกว่า กิวนาเบะ ต่อมาได้ปรับปรุงเปลี่ยนวิธีใหม่โดยการนำเนื้อวัวมาสไลด์บาง ๆ โปะลงบนข้าวคุณภาพดี รสสัมผัสมีทั้งความเหนียมนุ่ม กลมกล่อม บอกเลยว่าจุดเด่นของเมนูนี้คือการเลือกเนื้อวัวชั้นเยี่ยม นอกจากนี้หากให้เล่าถึงความเป็นมาเมนูนี้เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 7 แต่ในช่วงนั้นการบริโภคเนื้อวัวยังไม่ได้รับความนิยมมากนักในญี่ปุ่น จนกระทั่งมีการยกเลิกข้อห้ามคนจึงเริ่มกลับมากินเนื้อมากขึ้น มีกรรมวิธีที่ชวนน้ำลายสอคือ จะนำเนื้อมานึ่งกับมิโซะ (เต้าเจี้ยว) หรือซอสโชยุ ผสมน้ำตาลหรือมิริน จากนั้นก็ทำการเคี้ยวเนื้อลงไปในน้ำปรุงและนำมาราดข้าว สำหรับการทานนั้นจะเป็นการใช้ตะเกียบคีบข้าวสลับกับชิ้นเนื้อหรือจะทานคู่กับเครื่องเคียงต่าง ๆ ก็ได้เช่นกัน 2.ซุปมิโซะหรือมิโซะชิรุ เมื่อเป็นเมืองหนาวสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการยกซุปขึ้นมาซดเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย พร้อมกับเสียงเล็กน้อย เพื่อเป็นการบอกว่าซุปอร่อยถือเป็นวิธีการทานที่มีมารยาทนั้นเอง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มิโซะ […]